(Fic Gintama) Last Smile รอยยิ้มสุดท้าย(HijiGin) - (Fic Gintama) Last Smile รอยยิ้มสุดท้าย(HijiGin) นิยาย (Fic Gintama) Last Smile รอยยิ้มสุดท้าย(HijiGin) : Dek-D.com - Writer

    (Fic Gintama) Last Smile รอยยิ้มสุดท้าย(HijiGin)

    ไม่ว่านายจะจากไปนานเเค่ไหน ฉันก็จะรักนายตลอดไป.. ฮิจิคาตะ..

    ผู้เข้าชมรวม

    2,162

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    2.16K

    ความคิดเห็น


    19

    คนติดตาม


    58
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 พ.ย. 57 / 18:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
             
    ไม่ว่าจะผ่านไปนานเเค่ไหน
    ฉันก็จะรักนายตลอดไป..
    ฮิจิคาตะ..




    ขอขอบคุณเพลงเเละธีมจาก
                     

    ปล.จากไรเตอร์ กรุณาอ่านช้าๆเพื่อเพิ่มฟิลลิ่ง#ผิด
    :) Shalunla
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       
      ถ้าคุณรู้ว่าอีกไม่นานคุณจะต้องตาย...

       

      คุณจะทำอะไรกับวาระสุดท้ายที่เหลือของคุณ?

       

      ณ ชินเซ็นกุมิ

       

      “แค่กๆ!”ฮิจิคาตะไอออกมาอย่างหนักจนรู้สึกเจ็บหน้าอก  มือหนากุมหน้าอกตัวเองไว้แน่นจนดูน่าทรมาณพร้อมกับเหงื่อที่ค่อยๆไหลออกมา

      “เฮ้ๆโทชิ ท่าจะไม่ไหวแล้วนา ไปหาหมอหน่อยไหม??”คอนโด อิซาเอะ หัวหน้ากลุ่มชินเซ็นกุมิเอ่ยทักฮิจิคาตะอย่างเป็นห่วง

      “อา ไม่เป็นไรครับ...”ฮิจิคาตะว่า ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ แต่รอยยิ้มนั่นกลับดูน่าเป็นห่วงเหลือเกิน

      ความจริงแล้วช่วงนี้เขามันจะไอและเจ็บหน้าอกบ่อยๆจนคุณคอนโดพยายามที่จะพาไปหาหมด แต่ร่างสูงก็กลับปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่างานสำคัญกว่า

      “แค่กๆ!!”คนผมดำไอออกมาอีกครั้ง พร้อมกับเลือดสีเเดงสดที่เปื้อนอยู่ที่มือซึ่งทำเอาเจ้าตัวตกใจอยู่ไม่น้อย คอนโดที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับดวงตาเบิกโพล่ง

      “ไม่เป็นไรครับคุณคอนโด”ว่าแล้วฮิจิคาตะก็ทุบอกตัวเองเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมา

      “ไม่เอาน่า ไปหาหมอเถอะ เดี๋ยวฉันพาไปเอง”คอนโดว่าด้วยสีหน้าเป็นห่วง

      “ไม่..อะ ทำอะไรน่ะครับคุณคอนโด!!”ร่างของฮิจิถูกคอนโดนลาก ก่อนที่คอนโดจากหันหน้ามาหาฮิจิคาตะ

      “อย่าฝืนตัวเองไปหน่อยเลย มากับฉันเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง!!”ร่างสูงว่าเสียงดุ คิ้วของเขาขมวดเป็นปมจนดูหน้ากลัวทำเอาฮิจิคาตะ ไม่กล้าแม้แต่จะเถียง

       

       

      โรงพยาบาล

                  “อืม.....”

      “เป็นอย่างไรบ้างครับหมอ??”คอนโดเอ่ยถามหมอที่อยู่ตรงหน้าที่กำบังถือใบตรวจและเอ็กซ์เรย์ของฮิจิคาตะเอาไว้

      “คือว่า.....คงต้องทำใจแล้วล่ะ...”หมอว่าด้วยสีหน้าเป็นกังวล

      “อะ เอ๋??ผมเป็นอะไรงั้นเหรอ”ฮิจิคาตะอุทานออกมาอย่างสงสัย

       

      “คือว่า....”

       

      “เรา...พบก้อนเนื้อร้ายในปอดซ้ายของเธอ ซึ่ง มันก็คือ มะเร็ง...สาเหตุน่าจะมาจากการสูบบุหรี่จัดน่ะนะ....”คุณหมอว่าก่อนจะเอาผลเอ็กซ์เรย์ของฮิจิคาตะให้คอนโด

      “หมะ หมายความว่าไง!!??แล้ว รักษาได้ไหมครับหมอ!!???”ดวงตาของคอนโดเบิกโพล่ง เขาดูผลเอ็กซ์เรย์ในมือสลับกับหน้าของฮิจิคาตะไปมา

      “ดูจากอาการและลักษณะของก้อนเนื้อแล้ว คงไม่สามารถรักษาได้แล้วล่ะครับ...เนื่องจากอาการที่แสดงออกมาอย่างเด่นชัด แถมผลตรวจก็บอกด้วยว่ามะเร็งก็ได้ลามไปส่วนต่างๆแล้วด้วย...คงจะ รักษาไม่ได้แล้วล่ะครับ...........คิดว่า คงอยู่ได้.................ไม่นาน”หมอว่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ

      “มะ.....ไม่จริง...”ดวงตาของฮิจิคาตะเบิกโพล่งพร้อมกับมองผลตรวจในมือ มือของเขาสั่นและซีดอย่างเห็นได้ชัด

       

      “ไม่จริง!!!!!!!!!!!

       

       

       

                  ฮิจิคาตะถูกนำตัวกลับมาที่ชินเซ็นกุมิ ใบหน้าของเขาซีดเผือกจนดูไม่ได้ จนตอนนี้ เขาดูไม่เหมือนรองหัวหน้าปีศาสคนเดิมซักนิด

                  ฮิจิคาตะหันหน้าไปหาคอนโด พร้อมกับกระชากคอเสื้อของคอนโดให้เข้ามาใกล้

      “คุณคอนโดครับ.....” มือของเขาสั่นจนสัมผัสได้ ”ไม่ว่ายังไง........คุณก็ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครได้ไหม?” ฮิจิคาตะว่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคอนโดด้วยแววตาคาดหวัง

      “........”คอนโดเงียบไปซักพัก เขาเองก็เข้าใจเหตุผลของการที่โทชิเองก็ไม่อยากที่จะบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะหมอนี่เป็นคนที่ชอบฝืนตัวเอง เพราะงั้น ก็คงไม่อยากที่จะให้ใครเป็นห่วง
                     นายมันบ้าจริงๆ..........

      “ได้สิ....”คอนโดตอบด้วยเสียงแผ่วเบา และพยายามจะข่มเสียงไว้ให้สั่นมากที่สุด

      ฮิจิคาตะยิ้มออกมานิดๆ แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ดูดีใจแม้เต่น้อยแถมยังเต็มไปด้วยความขมขื่นซะด้วยซ้ำจนทำให้คอนโดอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

      “ยังไงก็ดูแล้วตัวเองด้วยนะ ฉันกลับไปทำงานล่ะ”คอนโดว่าก่อนจะโบกมือให้ฮิจิตคาตะแล้วเดิมไปที่ห้องทำงานของตนเอง

      “ครับ อึก แค่กๆ!” ฮิจิคาตะพยักหน้ารับเบาก่อนที่จะไอขึ้นมาอีก แล้วมองไปที่หยดเลือดจากการไอของตนเอง..

       

      นี่ฉัน....

       

      อยู่ได้อีกแค่ไม่นานแล้วสินะ.....

       

      ……

       

       

      ..

       

      .

       

      วันที่xเดือนxปีxxx

      ตึก

      เท้าของร่างสูงหยุดลงที่หน้าร้านสารพัดรับจ้างก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินขึ้นไปชั้น2ของอาคารอย่างใจเย็น

      วันนี้....

      เขาจะมาบอกลา คนบางคน....

      ออดดดดดด!!

      ครืดด

      เสียงออดของร้านสารพัดรับจ้างดังขึ้นพร้อมกับร่างของกินโทกิที่เปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าเซ็งจิตตามสไตล์เจ้าตัว

      “คร้าบๆ ร้านสาระพะ อะ นี่แก!!”กินโทกิถึงกับตกใจเมื่อพบว่าคนต้องหน้านั้นไม่ใช่ใคร แต่กลับเป็นคู่อริตัวยงของตนเองไม่อยากเจอนักหนา

      “หวัดดี ไอ้หงอก”ฮิจิคาตะกล่าวทักทายใบหน้านิ่งเรียบ ”ขอเข้าไปข้างในได้ไหม?”

      “เอ๊ะ อะ เอ่อ...ก็ ได้อยู่ เข้ามาก่อนสิ”ร่างบางว่าก้อนจะหลีกทางให้คนตรงหน้าได้เข้าไปในร้าน

       

      “ฮู่ววว~”ฮิจิคาตะล้มตัวนั่งบนโซฟาของร้านสารพักรับจ้างอย่างสบายๆจนเหมือนกับจะนอนลงก่อนจะหรับตาพริ้ม สูดหายใจเข้าลึกๆราวกับคนหมดแรง

      “แล้ว ที่มาที่นี่ วันนี้มีอะไรล่ะ?”กินโทกิถาม พร้อมกับจ้องไปที่หน้าของฮิจิคาตะ

      “......”ร่างสูงนิ่งเงียบไปซักพัก ทั้ง2ไม่พูดอะไร ปล่อยให้บรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยความเงียบจนน่ากดดันก่อนที่ฮิจิคาตะจะเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นมา”ฉัน......จะมาลอกลา..”

      “อะ เอ๋??”ร่างบางอุทานออกมาอย่างสงสัย คิ้วทั้ง2ขมวดเข้าหากันก่อนที่ร่างสูงจะขยับหน้าเข้ามาใกล้เขา แล้วประทับริมฝีปากลงกับริฝีปากของกินโทกิ ทำเอากินโทกิตกใจอยู่ไม่น้อย

      ทั้งที่เราเคยจูบกันมาหลายครั้งแล้วแท้ๆ...

      แต่ทำไมครั้งนี้ ถึงได้รู้สึกต่างไปจากเดิม....

      รู้สึกได้ถึงความขมขืน..

      ราวกับจะเป็นลางบอกเหตุ...

      “อือ”ร่างสูงถอนจูบออก แล้วดึงร่างตรงหน้ามากอดแน่น ซึ่งก็ทำให้กินโทกิไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเช่นกัน

      “นาย..เป็นอะไรรึเปล่า....”กินโทกิถามด้วยเสียงแผ่วเบา เขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ฮิจิคาตะคิดอะไรอยู่..

      “หือ ปะ เปล่า ก็แค่ไม่ได้เจอกันนานเลยอยากจูบให้หายคิดถึงเฉยๆเองน่ะนะ”ว่าแล้วร่างสูงก็ก็คลายอ้อมกอดลงพร้มกับหัวเราะออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากไปสินะ...

      “เหวยๆ ไม่ได้เจอนานอะไรกัน เมื่ออาทิตย์ที่แล้วตูยังเจอเอ็งอยู่ที่ร้านเหล้าอยู่เลยนาเหวย”

      “อะ อึ้ก.....”คำตอบของคนตรงหน้า ทำเอาเขาไปต่อไม่ถูก ไอ้บ้านี่...ตรงจุดไปละ “หึ แล้วหลังจากนั้นแกก็ไปโรงแรมกับฉันใช่ไหม ตอนนั้นล่ะครางเสียงหลงเชียว”

      “ว่ะ ว่าไงนะ ก็นั่นมันเพราะใครกันล่ะเฟ้ย ไอ้ ไอ้สมองมายองเนสเอ๊ย!!”กินโทกิถึงกับหน้าแดงกับคำพูดของฮิจิคาตะ ไอ้บ้า เอ็!นี่พูดอะไรออกมาเนี่ย

      “แกก็ยอมตูนี่หว่า หึ”ว่าแล้วก็ยิ้มยียวนตามสไตล์เจ้าตัว

      “ไอ้!!”...

      ทั้ง2ยังคงเถียงกันต่อไป ถึงแม้จะดูเหมือน2คนนี้จะไม่ถูกกันยังไงก็ตาม แต่กินโทกิเองก็เป็นคนที่เขารักมากคนหนึ่ง ร่างบางตรงหน้านั้น อาจจะไม่รู้ความหมายของคำที่เขาไปตอนแรก เอาไว้ถึงวันนั้น ผมคิดว่า เขาคงจะเข้าใจเอง...

      รู้ว่าผมคนนี้..

      คงไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว...

       

       

       

      1อาทิตย์ต่อมา

       

      ออดด!!

      เสียงกริ่งของร้านสารพัดรับจ้างที่ค่อนข้างเงียบเหงาดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างของกินโทกิที่เดินไปเปิดประตูอีกเช่นเคย

      “คร้าบๆ ร้านสารพักรับจ้างคร้าบ  อะแล้ว โอคิตะคุง”กินโทเห็นคนตรงหน้าแล้วก็แอบตกใจ เพราะเขาเองก็ไม่นึกว่าคนอย่างโอคิตะจะมาหาเขาถึงที่นี่

      “สวัสดีครับ...ลูกพี่”โอคิตะทักทายหน้านิ่ง แถมยังดูหม่นหมองซะอีกต่างหาก

      “แล้ว มีอะไรล่ะเหวย ถึงได้มาหาตูถึงที่นี่น่ะ”กินโทกิยิ้มใสซื่อให้คนตรงหน้า จนทำให้โอคิตะลำบากใจที่จะพูด

      “คือว่า.......”โอคิตะเม้มริมฝีปากก่อนจะพูดออกมาด้วยใสที่เบาจนได้ยินกันแค่2คน

       

      “คุณฮิจิคาตะ...........”

       

       

      “ตายแล้วครับ......”

       

       

      “เอ๊ะ....”ดวงตาของกินโทกิเบิกโพล่งพร้อมกับเหงื่อที่ไหลลงอาบใบหน้าขาวเนียน”มะ ไม่จริงใช่ไหมโอคิตะคุง นี่ นี่เป็นเรื่อล้อเล่นสินะ??”กินโทกิพูดอย่างกระวนกระวาบ ดวงตาของเขาฉายแววตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด และหวังในใจว่านั่นจะเป็นแค่ลมปากหรือคำล้อเล่นของคนตรงหน้า

      “ผม...ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ.....”โอคิตะเม้มปากแน่นพร้อมกับก้มหน้าลง ”คุณฮิจิคาตะเพิ่งเสียไปเมื่อเช้านี้ ด้วย โรคมะเร็ง...”

      “มะเร็ง?”กินโทกิถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

      “ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้บอกลูกพี่สินะครับ ไม่สิ ถ้าจะให้พูดเขาไม่บอกใครเลยต่างหาก คุณฮิจิคาตะน่ะ เป็นมะเร็งขั้น4 หรือก็คือรักษาไม่ได้แล้วน่ะเอง เจ้าตัวเองก็เพิ่งจะตรวจเจอเมื่อ6เดือนก่อนนี้ด้วยน่ะครับ.....”โอคิตะว่าด้วยใบหน้าถอดสี ”แล้วก็ ยังไงลูกพี่ก็รู้จักกับพวกผม คุณคอนโดก็เลยให้ผมมาเชิญคุณไปงานศพของคุณฮิจิคาตะในวันพรุ่งนี้ด้วย ยังไงก็...ไปให้ได้นะครับ”ว่าแล้วโอคิตะก็เดินจากไป ปล่อยให้กินโทกิยืนตะลึงอยู่หน้าร้านสารพัดรับจ้าง

      ราวกับความรู้สึกที่อาจารย์ของเขาตายไป..

      ความรู้สึกที่เห็นคนที่รักจากไปโดยไม่สามารถช่วยอะไรได้.....

       

       

       

       

       

       

                  เสียงพระสวดดังก้องไปทั่วชินเซ็นกุมิ เหล่าบุคคลต่างๆในชินเซ็กุมิต่างมาร่วมงานกันด้วยใบหน้าอันเศร้าซ่อย บางคนก็ร้องไห้ออกมา

                ทุกคนได้แต่มอง..

                  มองโลงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่อยู่ตรงหน้า อย่างไม่สามารถทำอะไรได้....

       

                 

                   “อึก...”โอคิตะกัดฟันแน่นก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้โรงศพของฮิจิคาตะ

                  ตึ้ง!!

                  มือของโอคิตะทุบไปที่โรงศพอย่างแรง แล้วตามมาด้วยการทุบอีกหลายครั้ง

                ตึ้งๆๆๆ!!

                  “ไอ้บ้า ไอ้บ้าฮิจิคาตะ!! ฟื้นขึ้นมาสิ ฟื้นขึ้นมาสิครับ ฮึก..”น้ำตาจากดวงตาสีแดงก่ำเริ่มไหลออกมา โอคิตะเองก็อดกลั้นมาเยอะสินะ..

                  “คุณน่ะ คุณน่ะ คุณน่ะ ต้องเป็นคนที่ผมจะฆ่าสิ!! มาชิงตายกันแบบนี้ ฮึก มะ ไม่ยุติธรรมเลย ฟื้นขึ้นมาสิ ฮึก ผมน่ะ ผมยัง ผมยังไม่ได้ล้างแค้นให้ท่านพี่เลยนะ!!ฮึก” น้ำตาจำนวนมากไหลออกมาจากดวงตาสีแดงมรกตนั่น พร้อมกับร่างของโอคิตะที่ค่อยๆทรุดลงกับพื้น

                  “ฟื้นขึ้นมาสิ คุณฮิจิคาตะ ฮึก..ฟะ ฟื้นขึ้นมา ฮือ...”ร่างตรงนั้นทำได้เพียงแค่กอดโลงศพของคู่อริตนเองเอาไว้ และเขาเองก็รับรู้ได้ดี ว่าคนตรงหน้าไม่มีวันที่จะกลับมาอีกแล้ว..

                  กินโทกิทำได้เพียงแค่มองร่างตรงหน้าที่ร้องไห้จนดูไม่เหมือนคนเดิม เขาเองก็เสียใจเช่นกัน ที่ต้องเห็นคนที่ตนเองรักจากไป...

                  อยากจะร้องไห้...

                  ไม่นานนักโอคิตะก็เดินออกไป ใบหน้านั้น ยังคงมีคราบน้ำตาอยู่เต็มไปหมด

                  กินโทกิค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้โลงศพนั้น แล้วเอามือวางลงบนโลงอย่างแผ่วเบา

             “ฮึก..”กินโทกิเม้มปากแน่น และพยายมจะกลั้นเสียงไม่ให้สั่น

                  “ฮิจิคาตะ...”เสียงอันแผ่วเบาค่อยๆออกมจากปากของร่างบาง ด้วยตาที่เคยดูเข้มแข็งนั้นเต็มไปด้วยความหม่นหมอง

                  “นายอาจจะไม่ได้ยิน แต่ ...........ฉัน..ขอสัญญา....

       

                  ไม่ว่านายจะจากไปนานแค่ไหน...

       

                  ฉันก็จะรักนาย....ตลอดไป”

       

                  หยดน้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น ราวกับจะปล่อยให้ความรู้สึกผ่านไป ก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากลงบนโลงศพของคนรัก ที่ไม่มีวันจะหวนคืนมาอีก...

                  “หลับให้สบายนะ...ฮิจิคาตะ...”

       

       

       

      60ปีต่อมา

       

      “ฮ่า..”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของกินโทกิดังขึ้น หลังจากที่เขาได้เดินมาไกลจากร้านสารพัดรับจ้างมาพอสมควรเพื่อมาเยี่ยมหลุมศพของใครบางคน ที่เขียนสลักไว้ว่า ฮิจิคาตะ

      หลังจากวันนั้น ก็ผ่านมา60ปีแล้ว ร่างกายของเขาเอง ก็เสื่อมโทรมไปมาก...

      รอยตีนกาบนใบหน้าของร่างบาง เพิ่มขึ้นจนเห็นได้ชัด ผิวหนังที่เคยเต่งตึงเอง ก็เหี่ยวย่น จะมีเพียงแค่ผมของเขาล่ะมั๊ง ที่มันยังคงเป็นสีเดียวไม่เปลี่ยน...

                ญี่ปุ่นเอง ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปมากเหลือกิน...

                  ญี่ปุ่นได้เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม เหล่าผู้คนทั้งหลายได้ละทิ้งจิตรวิญญาณของซามูไรไปจนหมดสิ้น..

      ไม่ว่านานแค่ไหน..

      ความรู้สึกที่มีต่อแกนั้นไม่สามารถที่จะจางหายไปได้...ต่อให้ฉันต้องแก่ตาย..หรือต่อให้แกตายไปแล้วก็ตาม ฉันก็ไม่สามารถที่จะลบเลือนใบหน้าที่คนตรงหน้าที่ชอบขมวดดิ้วทำหน้าเครียดไปมาได้

      ร่างบางค่อยๆนั่นยองๆลงตรงหน้าหลุมศพ แล้ววางดอกไม้ในมือลงอย่างช้าๆ

      “ฉันมาเยี่ยมนะ......ฮิจิคาตะ” ว่าแล้วกินโทกิก็ยิ้มออกมา “นี่ก็ผ่านมา60ปีแล้ว ตั้งแต่นายหลับไป..ทุกคนเติบโตชึ้นมาเลยนะ..ถ้านายอยู่ในตอนนั้นคงจะดีอยู่หรอก..”

      เขาควรจะโกรธคนตรงหน้าไหมนะ..ที่จากเขาไปก่อนแบบนี้..?

      แต่นึกจะโกรธ ก็โกรธไม่ลงซะที คงจะเป็นเพราะตัวเขาเองน่ะแหละ..

       กินโทกินั่งลงข้างๆหลุมศพนั้นแล้วค่อยๆหลับตาลง “จำได้ไหม ไม่สิ อาจจะจำไม่ได้ก็ได้นะ ก็ นายตายไปแล้วนี่นา....ที่ฉันพูดน่ะ....”ร่างบางยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “สัญญาที่ว่า.......ฉันก็จะรักนาย....ตลอดไป..”ว่าแล้ว กินโทกิ ก็ประทับริมฝีปากลงที่ป้ายหลุมศพของฮิจิคาตะ

      “หึ จะถือว่าฉันรักษาสัญญานั้นได้รึเปล่าก็ไม่รู้นะ.....แต่ฉัน...คิดถึงแกนะ..”กินโทกิหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วนั่งพิงป้ายหลุมศพนั้น…

      ภาพอดีตต่างๆวนเวียนเข้ามาในหัวของเขา ทั้งตอนที่เจอกับฮิจิคาตะครั้งแรก ไม่ว่าจะละเลาะกันหรือแม้แต่ตอนที่ต้อสู้ร่วมกันและสายสัมพันธ์ของเรา2คน แม้กระทั่ง วันที่อีกฝ่ายได้จากเขาไปก็ตาม..เขาทำได้เพียงแค่อยู่ข้างๆหลุมศพของคนที่เขารัก..และไม่อาจจะที่จะลืมเลือนได้..

      “ฮึก..”

      จู่ๆน้ำตาของเขาก็ไหลลงมา โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ทราบสาเหตุ

      “อา....ทำไมจู่ๆ ฉันก็นึกถึงเรื่องสมัยก่อนขึ้นมาได้นะ ทั้งๆที่น่าจะลืมไปหมดแล้วแท้ๆ....ฮึก....”หยดน้ำตาค่อยไหลอาบใบหน้าของกิโทกิ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปล่อยให้มันไหลต่อไป

      “อา ไม่ไหวแล้วสิ ง่วงจังเลย....” กินโทกิหลับตาสนิด ราวกับคนหมดแรง

      “ขอหลับ....ตรงนี้หน่อยนะ...ฮิจิคาตะ.....”

      สายลมพัดไหวเบาๆ ราวกับจะเป็นคำตอบของฮิจิคาตะ

      กินโทกิยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่ร่างของกินโทกิจะหลับลงตรงนั้น..

       

      ข้างๆร่างของคนที่เขารัก...

       

       

      โดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย...

       

       

      ______________________________END__________________






      "อือ"กินโทคิค่อยๆลืมตาขึ้นมา เเล้วพยายามปรับสายตาให้เข้ากับเเสง

      "ไง..."เสียงหนึงเสียงเอ่ยขึ้นมาอย่างเเผ่วเบา จนเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง..

      ดวงเนตรสีทับทิมสั่นคลอนและคลอด้วยน้ำตา ... จดจ้องใบหน้าคมคายที่ไม่มีวันลืมอย่างไม่ละสายตา "...ฮิจิ...คาตะ..."
      "ให้รอตั้งนานเลยนะ...กินโทคิ..." ร่างสูงเดินเข้ามาประชิดตัวก่อนดึงเขาเข้าไปกอดเอาไว้อย่างโหยหา "ฉันคิดถึงนายมากเลยนะ..."
      "อึก...ฮิจิคาตะ....ฮิจิคาตะ..." กอดตอบร่างสูงอย่างโหยฟาไม่แพ้กัน เอ่ยเรียกออกมาด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ... นิ้วเรียวของคนผมดำปาดน้ำตาของกินโทคิอย่างเบามือแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนและรอยยิ้มปลอบ "ฉันอยู่ตรงนี้แล้วไง...กินโทคิ...." ก้มลงจูบริมฝีปากบาง...โหยหาและเฝ้าคิดถึง...

      ...เขาอยู่ตรงนี้...และจากนี้ไปจะคงอยู่เคียงข้างกายร่างผู้เป็นที่รักนี้ตลอดไป...



      เครดิต:ท่อนส่งท้าย คนเเต่งคือFesenyA ReseTนะคะ


      ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงจุดนี้ค่ะ

       

       

       

          
       
       
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×